preloader

Blog

ระวัง เสียเงินฟรี ! เผยวิธีเลือกฟันปลอม ให้เหมาะสมกับตนเอง

ระวัง เสียเงินฟรี ! เผยวิธีเลือกฟันปลอม ให้เหมาะสมกับตนเอง

เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จัก ฟันปลอม กันเป็นอย่างดี และบางคนก็กำลังใส่อยู่ด้วยซ้ำ แต่เคยรู้กันหรือไม่ว่าฟันปลอมนั้นจริงๆแล้วมีกี่แบบ และมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง และที่สำคัญเลยคือ ฟันปลอมแบบไหนที่เหมาะสมกับคุณ เหมาะสมกับการใช้ชีวิต และพฤติกรรม เพราะการเลือกฟันปลอมผิดอาจจะสร้างปัญหาในระยะยาว ทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นได้นั่นเอง

โดยในวันนี้ทางด้านของ Idol Smile ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทันตกรรม จะขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับฟันปลอมแต่ละแบบ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้รับรู้ก่อนที่จะทำการใส่ฟันปลอม เพื่อเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดนั่นเอง

 

ฟันปลอม คืออะไร ?

อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า ฟันปลอม ก็คือ สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบฟันจริง โดยทางด้านการแพทย์จะเรียกว่า “ฟันเทียม” เพื่อใช้ทดแทนฟันตามธรรมชาติที่หายไปจากสาเหตุต่างๆ เพื่อให้สะดวกในการรับประทานสิ่งต่างๆในเรื่องการบดเคี้ยว เสริมบุคลิกภาพ ทำให้การออกเสียงชัดเจนขึ้น และป้องกันปัญหาฟันล้มเอียงของซี่อื่นๆอีกด้วย

 

ฟันปลอมแบ่งออกเป็นกี่ประเภท ?

โดยหลักๆทั่วไปแล้ว ฟันปลอม จะสามารถแยกออกได้ประมาณ 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้

  1. ฟันปลอมชนิดถอดได้

ฟันปลอมแบบถอดได้นั้น คือฟันปลอมที่ใช้สันเหงือกเป็นที่รับแรง ซึ่งอาจจะใช้ทดแทนซี่ฟันที่หายไปเพียงบางซี่ หรือมากกว่านั้นก็ได้ โดยฟันปลอมแบบถอดได้นั้นจะมีหลากหลายชนิดทั้งแบบชั่วคราว และแบบถาวร

  •  ฟันปลอมถอดได้แบบชั่วคราว จะใช้เมื่อทำการถอดฟันทันที และจะใช้ในส่วนของฟันหน้า
  •  ฟันปลอมแบบถาวร จะใส่เมื่อแผลถอนฟันมีความคงตัวไม่ยุบตัว

 

  1. ฟันปลอมติดแน่น
  • ฟันปลอมแบบที่ใช้ฟันข้างเคียงเป็นที่รับแรง ซึ่งมีหลากหลายชนิด หากว่าเป็นการซ่อมแซมฟันซี่ใดซี่หนึ่งเพียงซี่เดียว มักจะเรียกกันว่า “ครอบฟัน” แต่ถ้าหากว่าใช้ทดแทนฟันซี่ที่หายไปด้วย จะเรียกว่า สะพานฟัน หรือ สะพานฟันติดแน่น ซึ่งทันตแพทย์จะนิยมกรอฟันเพื่อทำการสวมใส่สะพานฟัน

 

  1. รากเทียม
  • รากเทียม คือ ฟันปลอมแบบที่ใช้เบ้ากระดูกเป็นตัวรับแรง โดยจะทำการฝังแกนไปที่เบ้ากระดูก และรอเวลาให้เบ้ากระดูกเกาะยึดแกนนี้ให้แน่น และจึงจะเริ่มหย่อนแกนอีกชิ้นลงไปที่แกนเดิม

ซึ่งการรักษานี้จะนิยมทำเพื่อทดแทนฟันที่หายไปเพียงบางซี่ หรือทั้งปากเลยก็ได้ โดยรากเทียมจะใช้โลหะไทเทเนียม เพราะถือว่าเป็นโลหะที่ปลอดภัยและเข้ากับเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี และรวดเร็ว

 

 

ข้อดี-ข้อเสีย ของฟันปลอมแต่ละชนิด ?

  1. ฟันปลอมถอดได้

ข้อดี

  • ขั้นตอนการทำไม่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าแบบอื่น
  •  ทำความสะอาดง่าย เพราะสามารถถอดออกมาล้างได้ จึงทำให้สะอาดทั้งฟันจริงและฟันปลอม
  •  ฟันข้างเคียงที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ถูกรบกวนเกินไป เพราะ ไม่ต้องกรอเยอะ
  •  อนาคตสามารถใส่แบบติดแน่นได้
  •  ในกรณีที่ฟันหน้าเบ้ากระดูกทรุดตัวมากๆ ฟันปลอมแบบถอดได้จะช่วยเสริมเหงือก ทำให้ริมฝีปากไม่ยุบ

ข้อเสีย

  •  ในกรณีที่เหงือกในช่องปากไม่เหมาะสม เช่น ปูดบวมเกินไป จะทำให้มีข้อจำกัดในการใช้ฟันปลอมถอดได้ จึงใช้งานได้ไม่เต็มที่
  •  การบดเคี้ยวอาหาร ทดแทนฟันตามธรรมชาติได้เพียงแค่ 30% และหากใช้ไปเป็นระยะเวลานานๆ จะยิ่งทำให้บดเคี้ยวแย่ลงด้วยเช่นกัน
  •  เศษอาหารอาจจะเข้าไปติดใต้ฟันปลอมได้ง่าย ทำให้เกิดความรำคาญขณะรับประทานอาหาร

 

  1. ฟันปลอมติดแน่น

ข้อดี

  •  การบดเคี้ยวอาหาร ใกล้เคียงกับฟันตามธรรมชาติมาก
  •  ใส่สบาย ไม่เกิดความรำคาญเหมือนฟันปลอมแบบถอดได้
  •  หลุดยาก ทำให้เกิดความมั่นใจในเวลาใช้งานต่างๆ

ข้อเสีย

  •  มีราคาที่แพง
  •  ต้องทำการกรอฟันข้างเคียง และหากว่าฟันข้างเคียงล้มเอียงมากก็จะยิ่งทำการกรอฟันลึกจนใกล้เส้นประสาท อาจจะทำให้เสียวฟันได้
  •  หากว่าฟันข้างเคียงมีปัญหาอาจจะทำให้การรื้อถอนยากเนื่องจากว่าฟันปลอมแบบนี้จะทำการถอดยากมาก
  •  ทำความสะอาดยาก ต้องใช้ความพยายามสูง
  •  หากว่าทำฟันปลอมแบบนี้ และอยากเปลี่ยนเป็นแบบถอดได้จะทำได้ยาก หรือไม่สามารถทำได้เนื่องจากฟันรอบข้างถูกกรอไปแล้ว

 

  1. รากฟันเทียม

ข้อดี

  •  ไม่มีผลกระทบกับฟันข้างเคียง
  •  การบดเคี้ยวอาหารต่างๆ ใกล้เคียงฟันจริงเป็นอย่างมาก
  •  ไม่เกิดการผุซ้ำ

ข้อเสีย

  •  มีราคาที่แพงมาก เนื่องจากวิธีการทำซับซ้อนมาก
  •  หากว่ามีโรคทาระบบ เช่น เบาหวาน อาจจะเสี่ยงทำให้กระดูกเน่า
  •  ถ้าหากว่าล้มเหลว การแก้ไขจะรำบากมากๆ เพราะเป็นหัตการฝังแท่นเข้ากระดูก