preloader

Blog

อาหารและของว่างที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีในเด็ก

อาหารและของว่างที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีในเด็ก

เชื่อว่าหลายๆท่านคงมีปัญหาเกี่ยวกับบุตรหลาน ฟันผุ ฟันดำ หรือแม้แต่เหงือกบวม ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงฟันน้ำนม และบางท่านอาจจะคิดว่าเดี๋ยวพอฟันแท้ขึ้นมา อาการเหล่านี้ก็คงหายไปค่อยทำการดูแลรักษาหลังจากที่ฟันแท้ขึ้นก็ได้ ความเชื่อเหล่านี้ถือว่าผิดถนัดและมีความเสี่ยงสูงที่ฟันแท้ของเด็กจะติดโรคฟันผุมาจากฟันน้ำนมได้อีกด้วย ยังไม่หมดเท่านั้นหากเด็กในวัยฟันน้ำนมมีอาการผุมากๆจนต้องทำการถอนออก ยิ่งทำให้ฟันแท้ที่จะขึ้นมาแทนที่เกิดการผิดปกติได้อีกด้วย เรื่องสุขภาพช่องปากในเด็กจึงสำคัญมากๆไม่แพ้กับสุขภาพช่องปากของผู้ใหญ่ เพราะเหตุนี้เองจึงควรที่จะใส่ใจดูแลมากๆ อย่ารอเพราะอาจจะสายเกินไป

ซึ่งในวันนี้ทางด้าน Idol Smile Dental Clinic จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับวิธีที่เรียกได้ว่าเบื้องต้นในการช่วยรักษาสุขภาพฟันและช่องปากของเด็กให้ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้น ต้องบอกเลยไม่ยาก แต่อย่าใจอ่อน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารการกิน เด็กๆอาจจะเสียใจที่ไม่ได้รับประทานสิ่งต่างๆ และไม่เข้าใจถึงการรักษาสุขภาพช่องปากไม่ให้เป็นโรครุนแรง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สุขภาพช่องปากและฟันที่ดีคืออะไร ?

ก่อนอื่นเลยที่เราจะสามารถดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีได้นั้นเราต้องเข้าใจเสียก่อนว่าคำนี้หมายถึงอะไร การดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีไม่ใช่เพียงแค่ทำความสะอาดฟันให้สะอาดเท่านั้น เพราะ ในช่องปากของคนเราจะประกอบไปด้วยอวัยวะต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม กล้ามเนื้อบดเคี้ยว และข้อต่อขากรรไกร

ดังนั้นสุขภาพช่องปากที่ดีไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีโรคเกี่ยวกับฟันเท่านั้น แต่ต้องปราศจากทุกโรคที่อาจจะเกิดขึ้นภายในช่องปากด้วย เช่นปัญหาด้านการบดเคี้ยว ปัญหาแผลในช่องปาก ไม่มีอาการเจ็บหรือปวดภายในช่องปาก ไม่มีอาการเกี่ยวกับเหงือกต่างๆ รวมถึงต้องไม่มีกลิ่นปากด้วยเช่นกัน

ผู้ปกครองต้องนึกถึงเสมอว่าปัญหาสุขภาพช่องปากไม่ใช่แค่ทำให้เจ็บปวด หรือปัญหาในขณะรับประทานเท่านั้น ปัญหาช่องปากยังสร้างปัญหาใหญ่ๆทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน และการเข้าร่วมสังคมของเด็กด้วยเช่นกัน เห็นไหมว่าปัญหาสุขภาพช่องปากมีความสำคัญต่อชีวิตมากๆ อย่ามองข้ามเด็ดขาด

ทำอย่างไรให้เด็กมีสุขภาพช่องปากที่ดี ?

ต้องขอบอกว่าการทำให้เด็กมีสุขภาพฟันและช่องปากที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผู้ปกครองต้องใจแข็งซักนิดหนึ่ง ไม่ใช่ยอมตามใจปากบุตรหลานจนสร้างสุขภาพที่ไม่ดีในช่องปากให้กับเด็กเสียเอง

ก่อนอื่นอย่างแรกเลยที่ผู้ปกครองต้องเฝ้าดูอย่างต่อเนื่องหากลูกยังเล็กคือ แปรงฟันให้สะอาดสม่ำเสมอ 2 ครั้ง คือ เช้า (ตื่นนอน) – กลางคืน (ก่อนนอน) และถ้าเด็กโตขึ้นมานิดหนึ่งให้ใช้ไหมขัดฟันควบคู่ไปด้วยก็ได้

และสิ่งสำคัญที่สุดในวัยนี้ต้องบอกเลยว่าหนีไม่พ้นเรื่องอาหารการกิน ผู้ปกครองจำเป็นและต้องใส่ใจมากๆในการเลือกอาหารให้เด็กรับประทาน เพราะสุขภาพช่องปากนั้นอยู่กับอาหารที่คุณเลือกให้เด็กๆเช่นกัน โดยสิ่งแรกที่ไม่ควรให้เด็กๆรับประทานเป็นประจำคือ อาหารที่มีลักษณะเหนียวหรือแข็ง เพราะจะทำให้ช่องปากของเด็กทำงานหนัก ซึ่งจะส่งผลทำให้มีอาการปวดขากรรไกร รวมถึงทำให้ฟันสึกได้ และพฤติกรรมการรับประทานอีกอย่างที่ห้ามมองข้าเด็ดขาดนั่นก็คือ การทานอาหารจุกจิกหรือถี่ในการรับประทานเกินไป เพราะจะทำให้ฟันไปสัมผัสกับอาหารบ่อยๆ มีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เศษอาหารเข้าไปติดซอกฟัน ไปเกาะตามฟัน และทำความสะอาดไม่หมด จึงทำให้มีโอกาสฟันผุเพิ่มมากขึ้นกว่าคนที่รับประทานอาหารเป็นเวลา

ส่วนสิ่งสำคัญสุดท้ายที่หลายๆคนมองข้ามคือ พาเด็กไปพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำทุกๆ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจเช็คสุขภาพช่องปากว่ามีความผิดปกติตรงไหนหรือไม่อย่างไร เพราะหากว่าเจอปัญหาตั้งแต่ต้นก็จะทำให้การรักษานั้นง่ายขึ้น ไม่มีโอกาสเสี่ยงในระยะยาว เพราะหลายๆปัญหาท่านจะไม่มีวันทราบว่ากำลังเกิดขึ้น เพราะไม่มีการแสดงอาการแต่จะรุนแรงเมื่อถึงเวลาผลสุดท้ายเด็กๆอาจจะต้องเสียฟันตามธรรมชาติก่อนวัยอันควรก็เป็นได้